14 December 2009


กล้วย ผลไม้ที่คู่คนไทยมาตั้งแต่โบราณกาล ตั้งแต่ทารก พ่อและแม่ใช้กล้วยบดผสมกับข้าวป้อนให้ลูกกิน กล้วยสามารถนมาทำอาหารได้ทั้งคาวและหวาน เช่น นำกล้วยอ่อนมาต้มจิ้มกับนำ้พริกหรือนำกล้วยอ่อนมาแกงกะทิ แกงเผ็ด หรือแกงเลียงก็ให้รสชาดที่อร่อยน่าทาน ส่วนกล้วยแก่นำมาผ่าทอดทำกล้วยฉาบ กล้วยสุกนั้น นำมาทานเลยหรือชุบแป้งทอดเป็นกล้วยทอดแขกก็ได้ หรือ อาจนำมา ต้ม เชื่อม ทำกล้วยบวชชี นึ่ง ปิ้ง สุดแล้วแต่ท่านจะเป็นผู้หากรรมวิธีสร้างเสริมปรุงแต่งขึ้นมา ใบกล้วยหรือที่เรึยกอีกอย่างหนึ่งว่า ใบตองก็ใช้ได้สารพัดประโยชน์ เช่น ใช้ทำบายศรี ทำกระทง ห่อขนม ทำหลังคากันฝนแบบชั่วคราวขึ้นอยู่กับผู้ที่นำไปประยุกต์ใช้ ลำต้นใช้แกงกับกะทิ เรียกว่า แกงหยวก ต้ม หรือหั่นบางๆนำมาตำผสมรำข้าวเป็นอาหารให้สัตว์เลี้ยงกินหรือจะใช้หมักทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ก็ได้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่า กล้วยเพียงอย่างเดียวกลับให้คุณประโยชน์อย่างมากมาย หากรู้จักนำมาผ่านกรรมวิธี จัดสรร ปรุงแต่งและประยุกต์นำไปใช้ หากพิจรณากล้วยให้คิดพิจรณาทุกส่วนเปรียบเสมือนคนเรา หากรู้จักคิดสร้างสรร รู้จักสร้างคุณประโยชน์ ก็จะเป็นสาธารณประโยชน์ที่หลากหลาย แผ่ขยายความคิดเหมือนประดุจดั่งใบตอง ขยันขันแข็งดั่งลำต้นที่ลำ่ใหญ่ขยายหน่อออกไปเพื่อขยายพงศ์พันธ์เปรียบดังปลูกกล้วยต้นเดียวแต่ได้หลายสิบกอ เฉกเช่นการสร้างคุณงามความดีก็จะมีชื่อเสียงรำ่ลือระบือไกล หากใช้เป็นมุมมองด้านธุรกิจ ท่านทั้งหลายก็คงประสงค์ให้การลงทุนประสบผลเฉกเช่นการปลูกกล้วยนี้ แม้ในการบริหารประเทศก็เห็นควรนำหลักการต้นกล้วยมาพิจรณา นำวิธีการปลูกกล้วยให้ได้ประโยชน์อย่างสูงสุดไปใช้ในการวางโครงสร้างบริหารประเทศแล้ว ท่านทั้งหลายจงพิจรณาเถิดว่าประเทศจะก้าวเดินไปในทิศทางใด

No comments: